
ถ้าพูดถึงศิลปะการต่อสู้ที่คนทั่วโลกรู้จัก นอกจาก มวยสากล มวยปล้ำ คิกบ๊อกซิ่ง รวมไปถึง คาราเต้ และ ยูโด ของญี่ปุ่น หรือ เทควันโด้ ของเกาหลี และ มวยไทย ของประเทศไทยเรา จะต้องมี กังฟู ของจีนเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน แต่นอกจากนี้ประเทศจีนยังมีศิลปะการต่อสู่อีกแขนงที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นเป็นศิลปยุทธ์ที่มีชื่อเสียง นั่นก็คือ ไท่เก็ก หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า ไทเก็ก (ไม่มีเสียงไม้เอก)
มวยไท่เก๊ก มีลักษณะนุ่มนวล โอนอ่อน ผ่อนคลาย การเคลื่อนไหวลื่นไหลต่อเนื่อง การหายใจสอดประสานไปกับการเคลื่อนไหว ไม่มีการเกร็งกล้ามเนื้อ หรือการออกแรงกระแทก ทำให้คนไทยส่วนใหญ่คิดว่ามวยไท่เก็ก เหมาะเป็นแค่การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุมากกว่า แต่ความจริงแล้ว มวยไท่เก๊ก ยังสามารถใช้เป็นศิลปะป้องกันตัวได้หากได้รับการฝึกฝนเพื่อใช้ต่อสู้ ซึ่งเราอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างในหนังกำลังภายในของจีนและฮ่องกง แต่เคยสงสัยกันไหมหว่า มวยไท่เก๊ก หากนำมาใช้ในการต่อสู้จริง จะเป็นยังไง ?
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการจัดประลองยุทธ์กันระหว่าง ปรมาจารย์มวยไท่เก๊ก จู ชุนผิง วัย 47 ปี ผู้สั่งสมประสบการณ์ด้านมวยไท่เก๊กมากกว่า 10 ปี กับนักสู้คิกบ๊อกซิ่งรุ่นลูก เหยา หานเทียน วัย 22 ปี ผู้เริ่มฝึกคิกบ๊อกซิ่งมาได้ปีเดียว ณ เวทีประลองในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซูของจีน
โดยจุดประสงค์ของการประลองในครั้งนี้คือพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยว่า ศิลปยุทธ์แขนงไหนเหมาะที่จะนำไปใช้ในงานต่อสู้จริงมากที่สุด! โดยหลังจากจับมือให้เกียรติกันแล้ว ระฆังเริ่มชกก็ดังขึ้น
ทั้งสองต่างรักษาระยะห่างหยั่งเชิงกัน ก่อนที่เหยาจะเริ่มก่อนด้วยการต่อยหมัดตรงไปที่ใบหน้าของชุนผิง ผลปรากฎว่าหมัดตรงของเหยาเข้าเป้าเต็มๆ
ส่งผลให้ชุนผิงหงายหลังล้มลงไปนอนกับพื้น จนกรรมการรีบยุติการแข่งขันทันที ก่อนจะเข้าไปดูอาการชุนผิงให้แน่ใจว่าเขาไม่เกิดอาการลิ้นจุกปาก แต่ทุกอย่างก็คลี่คลายได้ดีหลังชุนผิงได้สติ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงเวทีไปอย่างปกติโดยไม่ต้องมีคนช่วย
หลังจบการแข่งขัน เหยาซึ่งเป็นนักศึกษาสื่อข่าวกีฬา มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เผยว่าเขาลงเล่นคิกบ๊อกซิ่งเอาสนุกขำๆ เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าแมทช์ที่เขาลงสู้กับชุนผิง จะจบลงภายในหมัดเดียว กินเวลาตั้งแต่เริ่มจนจบแมทช์แค่ 5 วินาทีเท่านั้น!
เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปีก่อน โดยในครั้งนั้นปรมาจารย์มวยไท่เก๊กสู้กับนักกีฬา MMA สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาก็เหมือนกัน คือ นักสู้ไท่เก๊ก เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ต่างกันตรงที่ปรมาจารย์ไท่เก๊กแก้ตัวว่าที่แพ้เป็นเพราะรองเท้าที่ตัวเองใส่มามันลื่น รวมถึงอ้างว่าเขาออมแรงให้คู่ต่อสู้ ไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มร้อย ไม่อย่างนั้นคู่ต่อสู้ถึงตายแน่นอน.. ก็ว่ากันไปนะ
ชมคลิปที่ 1
ชมคลิปที่ 2
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: Shanghaiist